[Economical Traveler] ជំរាបសួរ…សៀមរាប (៣)
จุมเรียบซัว...เสียมเรียบ (3)
-------------------------------------
พิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์ (Angkor National Museum, សារមន្ទីរជាតិអង្គរ “ซาระเมือนตีเจียดอ็องโก”)
เปิดให้บริการในปี ค.ศ.2007
เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ดำเนินงานโดยบริษัทเอกชนของไทย
เก็บรักษาและแสดงโบราณวัตถุของกัมพูชา รวมถึงจัดแสดงนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมขอม
โดยศิลปวัตถุโดยส่วนใหญ่ ที่แสดงในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นงานศิลปะยุคอาณาจักรขอม
ช่วงคริสตศตวรรษที่ 9-14 ที่ค้นพบจากเมืองพระนครและบริเวณใกล้เคียง โดยศิลปวัตถุเหล่านี้ยืมมาจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติกัมพูชา
ในกรุงพนมเปญ และ “Conservation d’Angkor” คลังเก็บโบราณวัตถุขอมที่อยู่ในการดูแลของกระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา
ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
คนละ 12 USD แต่ถ้าหากต้องการหูฟังสำหรับคำบรรยาย (Audio
guide) ต้องเสียเพิ่ม 3
USD โดยมีให้เลือก 7
ภาษา ได้แก่ ภาษาเขมร,
ไทย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, เกาหลี และจีน
ส่วนนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์
ประกอบด้วยส่วนจัดแสดง 8 ส่วน แต่เนื่องจากห้ามถ่ายภาพภายในพิพิธภัณฑ์
จึงใช้รูปประกอบจากเวบไซต์ของทางพิพิธภัณฑ์ http://www.angkornationalmuseum.com/
แทน
- Briefing Hall: ห้องฉายภาพยนตร์แนะนำพิพิธภัณฑ์
- ห้องแสดงพระพุทธรูป 1,000 องค์: ห้องนิทรรศการนี้จะแสดงถึงอิทธิพลของศาสนาพุทธต่อชาวกัมพูชา
ตั้งแต่ครั้งอารยธรรมขอมโบราณ จนถึงกัมพูชายุคปัจจุบัน
- ห้องนิทรรศการ A อารยธรรมขอม: อธิบายว่าอารยธรรมขอมเกิดขึ้นได้อย่างไร อะไรที่เป็นตัวขับเคลื่อนให้ขอมโบราณสร้างอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่
ความเชื่อต่อกษัตริย์ และประวัติศาสตร์ของขอม
- ห้องนิทรรศการ B ศาสนาและความเชื่อ:
อธิบายเกี่ยวกับศาสนาและความเชื่อของอารยธรรมขอม
ที่ปรากฏในงานวรรณกรรม รูปสลัก สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิต
- ห้องนิทรรศการ C กษัตริย์ขอมผู้ยิ่งใหญ่:
ห้องนิทรรศการแสดงประวัติของกษัตริย์ขอมองค์สำคัญ
เช่น พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ผู้ทรงรวมอาณาจักรเจนละบกและเจนละน้ำเป็นหนึ่งเดียว ในช่วง
ค.ศ.802-850, พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ผู้โปรดให้สร้างเมืองยโสธรปุระ (เมืองพระนคร)
ในช่วงปี ค.ศ.889-900 เพื่อเป็นเมืองหลวงของขอม, พระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ผู้โปรดให้สร้างนครวัดขึ้นในช่วง
ค.ศ.1116-1145, พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ผู้โปรดให้สร้างนครธมในช่วง ค.ศ.1181-1201
- ห้องนิทรรศการ D นครวัด: ห้องนิทรรศการแสดงประวัติ หลักการเชิงศาสนา
และเทคนิคทางสถาปัตยกรรมที่ใช้ในการก่อสร้างนครวัด
- ห้องนิทรรศการ E นครธม: ห้องนิทรรศการเกี่ยวกับการก่อสร้างและขยายตัวของนครธม
ความเปลี่ยนแปลงทางศาสนา แผนวิศวกรรมเพื่อใช้ในสาธารณูปโภคสมัยโบราณ เช่น
ถนนและระบบชลประทานขนาดใหญ่
- ห้องนิทรรศการ F เรื่องราวจากก้อนหิน:
ห้องแสดงหลักศิลาจารึก
ที่ใช้บันทึกถึงเหตุการณ์ต่างๆในประวัติศาสตร์
- ห้องนิทรรศการ G เครื่องแต่งกายโบราณ:
นิทรรศการเกี่ยวกับเครื่องแต่งกายในสมัยขอมโบราณ
รวมถึงอัญมณีและเครื่องประดับ ผ่านลักษณะที่ปรากฏของรูปสลักรูปเทพ เทพี
และนางอัปสรา
ค่าน้ำดื่มที่นี่ค่อนข้างแพง
(ขวดเล็ก 500 ml ราคา 1 USD) และหากใครสนใจเรื่องราวแนวประวัติศาสตร์-วัฒนธรรม อาจจะใช้เวลาถึง 3
ชั่วโมง ผมใช้เวลา 2
ชั่วโมงยังคิดว่าไม่พอ
หลังเสร็จจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติอังกอร์แล้ว
เหมารถตุ๊กตุ๊กจากหน้าพิพิธภัณฑ์ไปจุดขายตั๋ว Angkor Pass - ปราสาทพนมบาแคง และ Pub
Street ได้ราคาที่ 10
USD
ตั๋ว Angkor Pass เป็นตั๋วสำหรับใช้เข้าโบราณสถานต่างๆ
ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์อังกอร์
ที่ครอบคลุมนครวัด-นครธม ไปจนถึงโบราณสถานโดยรอบ เช่น
ปราสาทบันทายสรี กบาลสะเปียน (ธารน้ำที่มีกลุ่มรูปสลักใต้น้ำ)
และกลุ่มปราสาทโรลัวะ แต่ไม่รวมโบราณสถานที่อยู่ไกลออกไปอีก อย่างพนมกุเลน,
เกาะแกร์ และบึงมาลา
ตั๋ว Angkor Pass จะมี 3 แบบ ได้แก่
- 1 วัน ราคา 20 USD
- 3 วัน ราคา 40 USD
- 5 วัน ราคา 60 USD
ผมเลือกตั๋วแบบ 3 วัน
ซึ่งตั๋วจะระบุว่าวันที่เริ่มใช้ตั๋วและวันที่ตั๋วหมดอายุห่างกัน 7 วัน ใน 7 วันนี้ จะใช้ตั๋ว 3 วันติดกัน หรือจะใช้วันเว้นวันก็ได้แล้วแต่นักท่องเที่ยว
โดยเจ้าหน้าที่ตามทางเข้าโบราณสถานแต่ละแห่งจะมาตรวจตั๋วตลอด ดังนั้น
ถ้าทำตั๋วหายจะต้องซื้อใหม่เท่านั้น
จุดขายตั๋วเปิดปิด 5.30 - 17.30 น.
ซึ่งหากมาซื้อตั๋วระหว่าง 17.00 - 17.30 น. ตั๋วจะยังไม่มีผลบังคับใช้ในวันซื้อ
(หมายความว่า สามารถชมปราสาทที่อยู่ใกล้ๆจุดขายตั๋ว ตอนเย็นได้ฟรี)
(หมายความว่า สามารถชมปราสาทที่อยู่ใกล้ๆจุดขายตั๋ว ตอนเย็นได้ฟรี)
ตั๋ว Angkor Pass ที่ผมได้มา เขาจะถ่ายรูปที่จุดขายตั๋วแล้วพิมพ์ไปบนตั๋วเลย
คนตรวจตั๋วจะเจาะรูตามวันที่ที่เข้าเยี่ยมชม โดยดูจากวงกลมระบุวันที่
นครวัด โบราณสถานอีกแห่งที่อยู่ใกล้จุดขายตั๋ว แต่เพราะขนาดใหญ่ที่ใหญ่เกินจะเที่ยวชมในตอนเย็นได้หมด และตั้งใจจะมาในวันอื่นอยู่แล้ว เลยได้แต่ผ่านไป ก่อนจะมาถึงปราสาทอีกแห่งที่เป็นจุดหมายในเย็นนี้
ปราสาทพนมบาแคง (Phnom Bakheng, ប្រាសាទភ្នំបាខែង “ปราสาทพนุมบาแคง”) ถูกสร้างขึ้นประมาณปลายคริสตศตวรรษที่ 9
- ต้นคริสตศตวรรษที่ 10
เพื่อเป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู อุทิศแก่พระศิวะ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆสูงประมาณ 70
เมตร ปราสาทแห่งนี้เคยกล่าวถึงในศิลาจารึกว่า
“ยโสธเรศวร” ส่วนชื่อ “พนมบาแคง” ถูกเรียกมาตั้งแต่ราวคริสตทศวรรษ 1930 การที่ปราสาทพนมบาแคงตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเล็กๆ
จึงทำให้เป็นจุดชมวิวยามเย็นยอดนิยม ของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเสียมเรียบ
ปราสาทพนมบาแคงเป็นศูนย์กลางของกรุงยโศธรปุระ
ที่พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ตั้งเป็นเมืองหลวงใหม่ ย้ายจากเมืองหลวงเดิม “หริหราลัย” (บริเวณกลุ่มปราสาทโรลัวะ)
โดยกรุงยโศธรปุระ (เมืองพระนคร) เป็นเมืองที่ถูกสร้างซ้อนทับกันในบริเวณเดิม
เมืองที่พระเจ้ายโศวรมันที่ 1 ตั้งขึ้นเป็น “เมืองพระนครแห่งแรก” ล้อมรอบด้วยกำแพงเมืองยาวด้านละ
4 กิโลเมตร
ซึ่งเป็นพื้นที่กว้างใหญ่กว่านครธม ที่เป็น “เมืองพระนคร” ในรุ่นหลัง มีปราสาทบายนเป็นศูนย์กลาง
ปราสาทพนมบาแคงถูกสร้างในลักษณะ
“ศาสนบรรพต” (Temple Mountain) ซึ่งเป็นอาคารรูปร่างคล้ายพีระมิด
มีฐานรูปสี่เหลี่ยมเป็นชั้นๆลดหลั่นกันขึ้นไป และมีปรางค์บริวารขนาดเล็กอยู่โดยรอบบนฐานแต่ละชั้น
เช่นเดียวกับปราสาทบากอง ในกลุ่มปราสาทโรลัวะ ที่เก่าแก่กว่าปราสาทพนมบาแคงราว 2
ทศวรรษ
ลักษณะ “ศาสนบรรพต”
ยังสื่อถึงแนวความคิดเชิงจักรวาลวิทยาของฮินดูด้วย โดยปราสาทแห่งนี้มีเจ็ดชั้น ตาม
“สัตตบริภัณฑ์คีรี” เทือกเขา 7 ชั้น ได้แก่ ยุคนธร กรวิก อิสินธร สุทัศ เนมินธร วินตก
และอัสกัณ ที่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุ
ภูเขาที่เป็นหลักของโลกและศูนย์กลางจักรวาลตามความเชื่อของทางฮินดู
ขณะที่ปรางค์บริวารโดยรอบ
108 องค์
(ปรางค์รายที่พื้นชั้นล่างสุด 44 องค์ ปรางค์รายบนฐานรูปสี่เหลี่ยม (ชั้น 2-6)
60 องค์
และปรางค์รายรอบปรางค์ประธานชั้นบนสุด 4 องค์) ซึ่งนักโบราณคดีเสนอแนวคิดว่า จำนวนของปรางค์บริวารดังกล่าวมีอาจมีความหมายในเชิงดาราศาสตร์
- จำนวนปรางค์รายทั้งหมด 108 องค์: 108 เป็นผลคูณระหว่าง 27
(จำนวนวันใน 1
เดือนดาราคติ
(ดวงจันทร์โคจรกลับมาปรากฏอยู่ในกลุ่มดาวราศีเดิม)) และ 4
(เฟสของดวงจันทร์ 4
ช่วง คือ จันทร์ดับ
ข้างขึ้น จันทร์เพ็ญ และข้างแรม)
- จำนวนปรางค์รายบนฐานรูปสี่เหลี่ยม (ชั้น 2-6)
ชั้นละ 12 องค์:
อาจสื่อถึงกลุ่มดาวจักรราศีทั้ง
12 ในดาราศาสตร์อินเดีย,
ปีนักษัตรทั้ง 12 ปีของจีน หรือคาบการโคจรของดาวพฤหัสบดีที่ใช้เวลา 12
ปีถึงจะโคจรรอบดวงอาทิตย์ครบรอบ
เนื่องจากพนมบาแคงมีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวยามเย็น นักท่องเที่ยวที่นี่เลยเยอะ
...และเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนสักครึ่งหนึ่ง (ประมาณโดยสายตา)
เจ้าหน้าที่เฝ้าโบราณสถานบนพนมบาแคง หากท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาจะเริ่มเชิญให้นักท่องเที่ยวลงไปจากพนมบาแคง
ศิวลึงค์ในปรางค์รายที่พังไปแล้ว
มองไปแถวขอบฟ้าทางใต้ เห็นวิวเมืองเสียมเรียบอยู่ไกลๆ
รูปนางอัปสราที่ผนังปรางค์บนชั้น 7 ของพนมบาแคง ถ้าซูมรูปเข้าไปจะเห็นริ้วที่หน้าท้อง และรอยกระสุนปืนครั้งสงครามกลางมือตรงเหนือหน้าอก
อีกหนึ่งมุมมหาชน ที่นักท่องเที่ยวไปมุงถ่ายภาพกัน
ผมก็ถ่ายภาพตรงมุมมหาชนอีกคน จากตรงนี้ เห็นนครวัดดูเหมือนจะอยู่กลางป่าเลยทีเดียว
หลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าแล้ว
ก็รีบเดินลงเนินเขา เพราะทางเดินไม่มีแสงไฟบอกทาง และกลับมาที่ Pub
Street ในตัวเมืองเสียมเรียบ Pub
Street ก็มีลักษณะตามชื่อ
คือเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ผับ บาร์ที่เปิดยามค่ำคืน และยังมีพวกร้านของตัวแทนจำหน่ายทัวร์
สาเหตุที่มาที่นี่
นอกจากมาหาอาหารเย็นกินแล้ว อีกส่วนหนึ่งเพราะร้านอาหารที่เล็งไว้
มีดนตรีและการแสดงพื้นบ้านกัมพูชาเคล้าอาหารมื้อเย็นให้ชม แม้แต่บางร้านก็มีการแสดงการต่อสู้พื้นบ้านด้วย
สำหรับรายชื่อคาเฟ่
ร้านอาหาร โรงแรม หรือโรงละครที่มีการแสดงพื้นบ้านกัมพูชา พร้อมข้อมูลประกอบ
(ราคา, รูปแบบการแสดง-อาหาร วัน-เวลาที่มีการแสดง ระยะเวลาในการแสดง) สามารถดูได้ที่ลิงก์นี้
http://tourinsiemreap.com/guide/apsara-dance-dinner-show-siem-reap/
ผมเลือกร้าน Temple Balcony ตรงที่มีดนตรีและการแสดงพื้นบ้านกัมพูชาฟรี
ระยะการแสดงนานที่สุด (2 ชั่วโมง 19:30-21:30 น.) แต่ชั้นล่างของร้านจะแสดงชื่อ Temple
Club แทน
ทำให้หลงบ้างเล็กน้อย
สำหรับดนตรีและการแสดงพื้นบ้านกัมพูชาของทางร้าน
มีลำดับตามนี้
- 19:30-19:50 บรรเลงดนตรีพื้นบ้าน
- 19:50-20:00 ระบำอวยพร
- 20:03-20:11 ระบำกะลา
คลิปตัวอย่างระบำกะลาในภาพยนตร์กัมพูชา ปี ค.ศ.1969 ก่อนยุคเขมรแดงครองเมือง
- 20:16-20:30 ระบำอัปสรา
คลิปตัวอย่างส่วหนหนึ่งของระบำอัปสราที่นครวัด
- 20:33-20:41 ระบำนกยูงไพลิน
คลิปตัวอย่างของระบำนกยูงไพลิน
- 20:44-20:54 ระบำพระรามพระลักษมณ์
- 20:57-21:06 ระบำหาปลา
คลิปตัวอย่างของระบำหาปลา
- 21:06-21:16 ช่วงเวลาเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมถ่ายรูปในนักแสดงระบำอัปสรา
- 21:16-21:30 บรรเลงดนตรีพื้นบ้าน
สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการแสดงพื้นบ้านกัมพูชา
ผมขอแนะนำให้ไปอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมจากบทความ “นาฏศิลป์กัมพูชา” โดยคุณชัยวัฒน์
เสาทอง ในวารสารศิลปวัฒนธรรม สำนักพิมพ์มติชน ฉบับเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2548 http://info.matichon.co.th/art/art.php?srctag=0609010548
-------------------------------------
แหล่งข้อมูลเรื่องปราสาทพนมบาแคง
- หนังสือ The Treasures of Angkor โดย Marilia Albanese
- หนังสือ Ancient Angkor โดย Michael Freeman & Claude Jacques
- หนังสือ Ancient Angkor โดย Michael Freeman & Claude Jacques
บทความตอนที่แล้วในชุดบทความ "จุมเรียบซัว...เสียมเรียบ"
ตอนที่ 1: วางแผนทริปแบคแพค การเดินทาง ที่พัก ค่าใช้จ่ายที่เตรียมไป
ตอนที่ 2: แนะนำเมืองเสียมเรียบ วัดพระพรหมรัตน์ พระตำหนักหลวงและศาลองค์เจ็กองค์จอม